
คุณเป็นนักลงทุนแบบไหนกันบ้างครับ
เป็นนักลงทุนสายเทคนิคแบบผมหรือเปล่า
นักลงทุนสายเทคนิค เป็นนักลงทุนที่สนใจพฤติกรรมราคาของหุ้น
โดยเฉพาะกราฟราคาหุ้น (Chart) โดยจะอาศัยข้อมูลราคาหุ้นในอดีต
ปริมาณการซื้อขาย พร้อมทั้งใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค
และอินดิเคเตอร์ (Indicator) ต่างๆ ในการทำนายทิศทางราคาหุ้น
.
แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีเคล็บลับในตัวของมัน ทำให้วันนี้ทางเราได้ยก
10 เคล็ด(ไม่)ลับที่ต้องรู้!! สำหรับนักลงทุนหุ้นสายเทคนิค
มาให้กับนักลงทุนสายนี้กันครับ
Ads.โฆษณา : สนใจคลิ๊ก เรียนหุ้น

1.Map the trends: การหาแนวโน้มของราคา
โดยเริ่มศึกษาจากภาพใหญ่ตลาด คือการดูกราฟเทคนิครายเดือน รายสัปดาห์
ดูหลายๆ ปีเพื่อให้ภาพใหญ่ว่าแนวโน้มของราคาเป็นอย่างไร หลังจากที่เห็นแนวโน้มระยะยาวแล้ว ให้มาดูกราฟสั้นแบบรายวัน หรือรายชั่วโมง

2.Spot the trend and go with it: จับแนวโน้ม และลุยไปกับมัน
นักลงทุนจะดูว่าต้องการจะเทรดในแนวโน้มไหนของตลาด ถ้าจะเทรดระยะกลาง ก็ให้ดูกราฟวัน และกราฟสัปดาห์ แต่ถ้าจะเทรดระยะสั้น ก็ให้ดูกราฟวัน และกราฟระหว่างวัน หลังจากนั้นให้เทรดไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มนั้น คือ ซื้อเมื่อแนวโน้มเป็นขาขึ้น และขายเมื่อแนวโน้มเป็นขาลง

3.Find the low and high of it: หาแนวรับและแนวต้าน
ราคาที่เหมาะที่สุดในการซื้อคือ ใกล้ๆ แนวรับ และราคาที่เหมาะกับขายที่สุดก็คือ ใกล้ๆ แนวต้าน ซึ่งสามารถกำหนดได้จากราคาในอดีตที่ผ่านมา แต่ในกรณีที่ราคาทะลุแนวรับเดิมหรือแนวต้านเดิม ให้ตั้งสมมติฐานว่า เทรนด์ที่เรามองไว้ อาจจะถึงช่วงกลับตัว หรืออาจจะสร้างแนวรับหรือแนวต้านใหม่ก็เป็นไปได้

4.Know how far to backtrack : รู้ช่วงการพักตัว-แกว่งตัว
ไม่ว่าแนวโน้มราคาจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง จะมีการพักตัวเกิดขึ้น ตลาดจะไม่ขึ้นหรือลงเพียงรวดเดียว 100% การหาเปอร์เซ็นต์ของจุดพักตัว

5.Draw the line: วาดเส้นแนวโน้มราคา
การสร้าง Trendline เป็นวิธีการใช้เครื่องมือ โดยการลากจุด 2-3 จุดบนกราฟ เพื่อหาทิศทางของแนวโน้มราคา ซึ่งตลาดหุ้นจะมีแค่ 2 เทรนด์ นั้นก็คือ Uptrend คือการลากจากจุดต่ำสุดไปสู่จุดต่ำสุดที่สูงขึ้น และ Downtrend คือการลากจากจุดสูงสุดไปสู่จุดสูงสุดที่ต่ำลงมา

6.Follow that average: เทรดตามเส้นค่าเฉลี่ย
เส้นค่าเฉลี่ย หรือ Moving average คือสัญญาณซื้อหรือขายจะเกิดขึ้นเมื่อ เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นตัดกัน โดยถ้าเส้นระยะสั้นตัดเส้นระยะยาวขึ้น เป็นสัญญาณซื้อ แต่ถ้า เส้นระยะสั้นตัดเส้นระยะยาวลง เป็นสัญญาณขาย ซึ่งค่าเฉลี่ยที่นิยม คือ 4 และ 9 วัน , 9 และ 18 วัน , 5 และ 20 วัน

7.Learn the turns: เรียนรู้รอบการแกว่งตัว
RSI (Relative Strength Index) เป็นเครื่องมือบอกโมเมนตัมของหุ้น ว่า ราคาตอนนั้นมีการซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) โดยถ้าเส้น RSI มากกว่า 70 แสดงถึงมีการซื้อมากเกินไป ส่วนถ้า RSI น้อยกว่า 30 แสดงถึงมีการขายมากเกินไป

8.Know the warnings signs: เข้าใจสัญญาณเตือน
MACD เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่จะใช้ดูสัญญาณซื้อ-ขาย โดยถ้าเส้นระยะสั้นตัดเส้นระยะยาวขึ้น และทั้ง 2 เส้นอยู่เหนือระดับ 0 ถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ แต่ถ้า เส้นระยะสั้นตัดเส้นระยะยาวลง และทั้ง 2 เส้นอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 ถือว่าเป็นสัญญาณขาย

9.Trend or not a trend: มีแนวโน้ม หรือ ไม่มีแนวโน้ม
ADX indicator ออกแบบมาเพื่อ "วัดความแข็งแกร่ง" ของสภาวะแนวโน้มของตลาด จะช่วยระบุว่าตลาดอยู่ในสภาวะมีแนวโน้ม หรือ ไม่มีแนวโน้ม ที่จะขึ้นหรือลงจบแล้วหรือยัง ซึ่งจะแตกต่างจาก Indicator ตัวอื่นๆ ที่นักลงทุนนำมาใช้งานกับการจับสัญญาณเทรดตรงๆ ทั้งนี้ในจังหวะที่ตลาดขึ้นหรือลงแรงๆ

10.Know the confirming signs: เข้าใจสัญญาณยืนยัน
คือให้สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพราะปริมาณการซื้อขายเป็นตัวบ่งชี้การยืนยันที่สำคัญมาก ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ต้องแน่ใจว่าปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นนั้นไปในทิศทางของแนวโน้ม เช่น ในแนวโน้มขาขึ้นของตลาด ควรเห็นปริมาณการซื้อที่มากขึ้น เพื่อยืนยันว่าเงินใหม่กำลังสนับสนุนแนวโน้มที่มีอยู่
และยังมีปัจจัยที่สำคัญมากอีกตัวหนึ่ง นั่นคือ “จิตวิทยาการลงทุน”
เรียกได้ว่าจิตใจของนักลงทุนสายเทคนิคคอลนั้นจะต้องเข้มแข็ง...เมื่อสัญญาณทางเทคนิคบอกว่าซื้อก็ต้องซื้อ บอกขายก็ต้อง ขายถึงจุดตัดขาดทุนก็ต้องทำ
.
ที่มา SHiFT Your Future
.
#โค้ชโจ้
#เล่นหุ้นมีแต่รวย
#เรียนหุ้น
.
--------------------------------
.
Youtube - https://www.youtube.com/user/kunjoekup/
Facebook - https://web.facebook.com/MaoShowHoon/
Line OA : https://lin.ee/4jFForK
.
====================